เดือนกันยายน 63 ที่ผ่านมา Microsoft ประกาศเพิ่มประเภท License ของ Power BI เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการใช้งานยิ่งขึ้น
ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับองค์กรที่ต้องการใช้งาน Power BI ที่มีความสามารถครบครันแต่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อแบบ Enterprise License (ลิขสิทธิ์แบบองค์กร) เหมือนกับ Premium Per Capacity License
Power BI Premium Per User (PPU) ปรับลดทอนฟีเจอร์บางอย่างจาก Premium License แต่ยังคงมีความสามารถหลักที่คล้ายกัน ตามรายละเอียดที่แสดงในตารางเปรียบเทียบ Power BI PPU กับ Per Capacity โดยจุดเด่นของ PPU License คือ เป็น User License (ลิขสิทธิ์แบบรายผู้ใช้งาน)
Premium | |||
Per User | Per Capacity | ||
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด | 100 GB | Up to 400GB | |
อัตราการรีเฟรช | 48 ครั้ง/วัน | 48 ครั้ง/วัน | |
รายงานแบบแบ่งหน้า | |||
Al Capabilities (Auto ML, Impact Analysis, Cognitive Services) | |||
ตั้งค่าขั้นสูงเกี่ยวกับการเชื่อมต่อข้อมูล (Direct Query, etc.) | |||
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวม | |||
Application Lifecycle Management (Deployment Pipelines) | |||
การเชื่อมต่อแบบ XMLA | |||
ปรับปรุงการรีเฟรชหน้าอัตโนมัติ | |||
Deployment Pipelines | |||
Multi-Geo Support | |||
Unlimited Distribution | |||
Power BI reports on-premises | |||
Bring Your Own Key |
(ตารางเปรียบเทียบ Power BI PPU กับ Per Capacity)
จากตารางข้างต้น จะเห็นว่าฟีเจอร์ที่จำเป็นยังไม่ถูกตัดออกไป จะมีก็แต่เพียงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ให้มาใน Per User ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
ใครสามารถเข้าถึงข้อมูลของ PPU License ได้บ้าง?
จากตารางด้านล่างจะเห็นว่าทาง Microsoft ยังไม่อนุญาตให้ Pro License ซึ่งมีราคาถูกที่สุด ใช้งานร่วมกับ PPU License ได้ แต่อนุญาตให้ผู้ใช้งานแบบ PPU License สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั้ง Pro และ Premium Per Capacity ทั้งนี้ Microsoft เองมีแผนที่จะเริ่มจำหน่าย PPU License ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 63 หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทางเราจะอัพเดทให้ทราบเป็นระยะ